การมาเรียน
- นักเรียนทุกคนจะต้องมาถึงโรงเรียนอย่างช้าเวลา 07:50 น. และไม่เกินเวลา 08:20 น. หากมาหลังเวลา 08:20 น. ถือว่านักเรียนขาดเรียนในวันนั้นๆ และนักเรียนจะต้องกลับบ้านอย่างช้าไม่เกินเวลา 17:00 น. ยกเว้นนักเรียนที่ต้องฝึกซ้อมกีฬาหรือมีกิจกรรมพิเศษอื่นๆ ที่มีครูควบคุมดูแล และเมื่อเข้ามาในโรงเรียนแล้วนักเรียนจะออกนอกบริเวณโรงเรียนไม่ได้ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากครูเวรหน้าประตู หรือผู้ช่วยผู้อำนวยการ (หมายถึง การขออนุญาตก่อนเวลา 07:50 น.)
- นักเรียนที่มาโรงเรียนหลังจากเพื่อนเดินแถวเข้าห้องเรียนหมดแล้ว จะต้องลงลายมือชื่อเพราะถือว่ามาสาย นักเรียนที่มาหลังจากเคารพธงชาติแล้วถือว่ามาสาย ให้ตั้งแถวอีกแถวหนึ่งโดยครูเวรประจำวันจะเป็นผู้ควบคุมถ้ามาสายเกิน 3 ครั้ง ทางโรงเรียนจะเชิญผู้ปกครองมาพบเพื่อหาแนวทางแก้ไขในการมาโรงเรียน
- หากนักเรียนคนใดที่มีปัญหาหรือมีความจำเป็นทางบ้านที่ส่งผลให้นักเรียนต้องมาโรงเรียนสายในวันนั้นๆ ผู้ปกครองจะต้องมาติดต่อกับโรงเรียนเพื่อทำหนังสือ/เอกสารขออนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อที่โรงเรียนจะได้ออกบัตรอนุญาตให้นักเรียนเข้าห้องเรียนได้แล้วแต่กรณี
การมาโรงเรียนในวันหยุด
ในวันเสาร์ อาทิตย์และวันหยุดราชการ หากนักเรียนมีความจำเป็นที่จะต้องมาทำกิจกรรมที่โรงเรียนต้องปฏิบัติ ดังนี้:-
- หากมาเรียนพิเศษหรือมาช่วยกิจกรรมที่โรงเรียนฯ กำหนดจัดขึ้น โรงเรียนจะมีหนังสือแจ้งขออนุญาตผู้ปกครองเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อขออนุญาตให้นักเรียนมาร่วมกิจกรรม
- นักเรียนที่มาทำกิจกรรมที่โรงเรียนฯ จะต้องออกจากบริเวณโรงเรียนเพื่อเดินทางกลับบ้านไม่เกินเวลา 17:00 น. หรือตามเวลาที่โรงเรียนฯ กำหนด
- นักเรียนต้องแต่งเครื่องแบบนักเรียน/ชุดพละ ในการมาทำกิจกรรม มาโรงเรียน หรือชุดสุภาพ โดยไม่สวมกระโปรงสั้นเหนือเข่า เสื้อเอวลอย กางเกงขาสั้น และรองเท้าแตะ ในการมาติดต่อกับโรงเรียน
การหยุดเรียน
- นักเรียนที่ไม่มาโรงเรียนไม่ว่าด้วยสาเหตุใดก็ตาม ต้องมีใบลาทุกครั้ง และในใบลาต้องมีลายชื่อของผู้ปกครองที่แท้จริงกำกับมาด้วย ทั้งนี้นักเรียนต้องส่งใบลาในวันรุ่งขึ้นที่สามารถมาเรียนได้ต่อครูประจำชั้น
- ในกรณีที่นักเรียนหยุดเรียนแล้วไม่ส่งใบลาจะถือว่าขาดเรียน
- ในวันที่นักเรียนไม่ได้มาโรงเรียน ผู้ปกครองควรแจ้งให้โรงเรียนทราบโดยเฉพาะกรณีที่หยุดเรียนมากกว่า 2 วัน
การขาดเรียน
- นักเรียนที่ไม่มาเรียนเพราะสาเหตุใดสาเหตุหนึ่งผู้ปกครองจะต้องแจ้งให้โรงเรียนทราบด้วยตนเอง หรือจดหมายลาโดยผู้ปกครองลงลายมือชื่อรับรองเสมอ ถ้านักเรียนยังมิได้ส่งใบลาจะต้องนำไปส่งที่ครูประจำชั้นก่อนเข้าเรียนทุกครั้ง การลาป่วยเกิน 3 วัน ต้องมีใบรับรองแพทย์มาแสดงพร้อมใบลาด้วย การลา การขาดเรียน และการลาป่วย มีผลเสียต่อการเรียนวิชาต่างๆ ถ้าวิชาใดที่นักเรียนมีสถิติการเข้าเรียนไม่ถึงร้อยละ 80 ของเวลาเรียน นักเรียนจะไม่มีสิทธิ์ในการสอบปลายภาควิชานั้นๆ
- การขาดเรียนโดยมิได้รับอนุญาตจากผู้ปกครอง โรงเรียนจะถือว่านักเรียนผู้นั้นหนีเรียนและโรงเรียนจะเชิญผู้ปกครองนักเรียนมาพบ ซึ่งถ้าหากโรงเรียนไม่ได้รับความร่วมมือจากผู้ปกครองนักเรียน นักเรียนจะไม่มีสิทธิ์เข้าเรียนจนกว่าผู้ปกครองจะมาพบครูฝ่ายปกครอง
- หากไม่มีความจำเป็นอันสุดวิสัย ผู้ปกครองไม่ควรรับนักเรียนกลับบ้านก่อนเวลาที่โรงเรียนเลิก เพราะอาจเป็นผลกระทบต่อการเรียนของนักเรียน อาจทำให้นักเรียนมีเวลาเรียนไม่ครบร้อยละ 80 ของเวลาเรียนทั้งหมด และทำให้ไม่ได้รับสิทธิ์สอบปลายภาควิชานั้นๆ ได้ ถ้าหากมีความจำเป็นจริงๆ ให้ผู้ปกครองมารับด้วยตนเอง หรือมีจดหมายรับรองจากผู้ปกครอง ซึ่งนักเรียนจะต้องนำจดหมายไปแสดงกับครูประจำชั้นตั้งแต่เช้าก่อนเข้าเรียน เพื่อจะขอใบลาออกนอกบริเวณโรงเรียน
- โรงเรียนจะไม่อนุญาตให้นักเรียนกลับบ้านก่อนเวลาเลิกเรียนโดยที่ไม่มีผู้ปกครองมารับ ถ้าหากมีผู้ปกครองมารับเอง ให้ผู้ปกครองแจ้งกับทางแผนกธุรการก่อนทุกครั้ง เพื่อรับใบอนุญาตพร้อมทั้งลงลายมือชื่อไว้ในใบอนุญาตเป็นหลักฐานด้วย ทางแผนกธุรการจะตามนักเรียนลงมาให้ ทั้งนี้ไม่อนุญาตให้ผู้ปกครองไปรับนักเรียนด้วยตนเองที่ห้องเรียน
- กรณีนักเรียนมีความจำเป็นที่จะต้องกลับบ้านก่อนเวลาที่โรงเรียนจะเลิก ผู้ปกครองไม่สามารถมารับนักเรียนด้วยตนเองได้ และมีความประสงค์ที่จะให้นักเรียนเดินทางกลับบ้านเอง หากเป็นกรณีเร่งด่วน ไม่ทราบล่วงหน้า ให้ผู้ปกครองแจ้งกับทางโรงเรียนเป็นลายลักษณ์อักษรทางโทรสารหมายเลข 0-2387-0475 หากทราบล่วงหน้าแล้ว ให้ผู้ปกครองแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร และให้นักเรียนนำจดหมายไปแจ้งที่ครูประจำชั้น เพื่อเซนต์รับรอง/รับทราบ และให้นักเรียนนำมายื่นที่แผนกธุรการ เพื่อขออนุญาตกลับบ้านก่อนเวลา
การลาออกนอกบริเวณโรงเรียน
การลาออกนอกบริเวณโรงเรียนมี 2 ลักษณะคือ:-
- การลาออกนอกบริเวณและไม่กลับเข้าโรงเรียนอีกในวันลานั้น นักเรียนต้องมีจดหมายขออนุญาตจากผู้ปกครอง หรือมีผู้ปกครองมาขออนุญาต โดยนักเรียนต้องนำจดหมายของผู้ปกครองไปแสดงกับครูประจำชั้น ครูประจำชั้นลงลายมือชื่อรับทราบแล้วนักเรียนต้องไปพบผู้ช่วยผู้อำนวยการเพื่อขออนุญาต ถ้าได้รับอนุญาตจึงออกนอกบริเวณโรงเรียนได้
- ลาออกบริเวณและกลับเข้าโรงเรียนอีกในวันลานั้น แนวปฏิบัติเหมือนข้อการลาข้างต้น แต่เมื่อกลับมาแล้วต้องรีบไปรายงานตัวกับผู้ช่วยผู้อำนวยการและครูประจำชั้น แล้วเข้าห้องเรียนต่อไป
การเข้าแถวเคารพธงชาติและสวดมนต์
- เมื่อนักเรียนได้ยินเสียงสัญญาณเพลงโรงเรียน ซึ่งเป็นสัญญาณในการเตรียมตัวเข้าแถว ให้นักเรียนทุกคนรีบทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย และไปเข้าแถวที่บริเวณสนามตึกโค้ง หรือสถานที่ที่โรงเรียนกำหนดให้ นักเรียนทุกคนจะต้องเข้าแถวให้เสร็จก่อนสัญญาณเพลงสุดท้ายจะจบ โดยเรียงลำดับไหล่จากต่ำไปสูงและจัดแถวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยพร้อมเคารพธงชาติ
- ในระหว่างเข้าแถวนักเรียนทุกคนต้องอยู่ในอาการสำรวมสงบนิ่ง ยืนตรง ไม่พูดคุยหรือเย้าแหย่กัน ไม่เล่นหรือคุยกันในระหว่างแถว ให้หัวหน้าห้องดูแลทุกคนให้อยู่ในความเรียบร้อย
- นักเรียนต้องตั้งใจร้องเพลงชาติ สวดมนต์ไหว้พระ กล่าวแผ่เมตตาจิต และกล่าวคำปฏิญาณตนให้เต็มเสียงและพร้อมเพรียงกัน
- นักเรียนทุกคนต้องตั้งใจรับฟังการอบรม การประกาศและการนัดหมายต่างๆ จากคุณครูเวรประจำวันที่มาให้การอบรม เพื่อจะได้รับทราบข่าวสาร การประชาสัมพันธ์ต่างๆ และสามารถนำไปปฏิบัติตามได้อย่างถูกต้อง
- เมื่อแยกแถวเข้าห้องเรียน ให้นักเรียนเดินตามแถวของตนอย่างมีระเบียบเรียบร้อย ไม่แตกแถว ไม่คุยกัน ไม่เดินแซงขึ้นหน้า
การเดินแถวเข้าห้องเรียนหลังเคารพธงชาติและสวดมนต์
- นักเรียนจะต้องเดินแถวเข้าห้องเรียนอย่างเป็นระบบ
- ไม่หยอกล้อ เล่น คุยกันในระหว่างเดินแถว
- รีบเข้าห้องเรียนและไม่ออกนอกห้องเรียนหลังจากเข้าห้องเรียนแล้ว เพื่อปฏิบัติกิจกรรมโฮมรูมและเตรียมทำสมาธิ
การเรียนในห้อง
- นักเรียนจะต้องตั้งใจเรียนอย่างเต็มที่ ไม่ส่งเสียงรบกวนหรือหยอกล้อ เล่น คุยกันขณะเรียน
- เตรียมสมุด หนังสือ อุปกรณ์การเรียนให้พร้อมก่อนครูผู้สอนเข้าห้องเรียน และจะต้องมีอุปกรณ์การเรียนทุกอย่างครบทุกวิชา
- เมื่อมีปัญหาต้องการถาม จะต้องยกมือก่อน เมื่อครูอนุญาตแล้วจึงยืนขึ้นถามได้
- ไม่อนุญาตให้ลุกเดินไปมาในระหว่างที่ครูกำลังสอน ถ้ามีธุระให้ขออนุญาตก่อนและเมื่อได้รับอนุญาตจากครูผู้สอนแล้วจึงจะทำได้
- ไม่อนุญาตให้นำอาหาร เครื่องดื่ม ของขบเคี้ยวเข้าไปรับประทานในห้องเรียนหรือบนอาคารเรียน
- ให้ปิดไฟ ปิดแอร์ เมื่อออกไปเรียนนอกห้องเรียน หรือไม่มีใครอยู่
การทำความเคารพเมื่ออยู่ในชั้นเรียน
- เมื่อครูผู้สอนเข้าชั้นเรียน ให้นักเรียนซึ่งเป็นหัวหน้าห้องกล่าวคำว่า “ทั้งหมดตรง” นักเรียนในห้องทั้งหมดยืนตรงพร้อมกัน หัวหน้าชั้นบอก “นักเรียนทำความเคารพ” ให้นักเรียนยืนตรงพนมมือก้มศรีษะให้ปลายนิ้วชี้จดหว่างคิ้วและกล่าวคำว่า “สวัสดีครับคุณครู” “สวัสดีค่ะคุณครู” ในกรณีที่มีแขกมาเยี่ยมห้องเรียน หัวหน้าชั้นกล่าวคำว่า “ทั้งหมดตรง” ให้นักเรียนยืนตรงพนมมือก้มศรีษะให้ปลายนิ้วชี้จดหว่างคิ้ว กล่าวคำว่า “สวัสดีครับ” “สวัสดีค่ะ”
- เมื่อครูผู้สอนจะออกจากชั้นเรียน ให้นักเรียนที่เป็นหัวหน้าชั้นกล่าวคำว่า “ทั้งหมดตรง” ให้นักเรียนยืนตรง หัวหน้าชั้นบอก “นักเรียนทำความเคารพ” ให้นักเรียนพนมมือก้มศรีษะและกล่าวคำว่า “ขอบคุณครับ” “ขอบคุณค่ะ”
- เมื่อนักเรียนต้องการจะขออนุญาตไปธุระให้ไหว้ 1 ครั้ง และกล่าวคำว่า “ขออนุญาต … ” เมื่อครูอนุญาตแล้วให้ไหว้ 1 ครั้ง แล้วจึงไป
- ในกรณีที่จะส่งงาน ให้นักเรียนส่งงานโดยให้ยืนห่างจากโต๊ะครูประมาณ 1 ก้าว เมื่อส่งเสร็จแล้วให้ไหว้ 1 ครั้ง
- ในกรณีที่นักเรียนจะมาพบครูเพื่อขอคำปรึกษา หรือมาพบครูตามนัดหมายเมื่อครูนั่งอยู่ที่โต๊ะครู ให้นักเรียนทั้งชายและหญิงคุกเข่าแล้วจึงพูดกับครู (สำหรับสถานที่อื่นแล้วแต่ครูจะเห็นสมควร)
การขออนุญาตออกนอกห้องเรียนหรือเข้าในห้องเรียนในขณะเรียน
- เมื่อมีธุระต้องออกนอกห้องเรียน ให้นักเรียนขออนุญาตครูผู้สอนทุกครั้ง และเมื่อจะเข้าห้องเรียนก็จะต้องขออนุญาตเช่นเดียวกัน
- เมื่อนักเรียนต้องการพบนักเรียนคนใดในห้องระหว่างที่ครูกำลังสอนต้องขออนุญาตจากครูผู้สอนก่อน
การทำงานและส่งงาน
- นักเรียนทุกคนจะต้องทำงานที่ครูมอบหมายให้ และส่งให้ทันตามกำหนดเวลา
- หัวหน้านักเรียนแต่ละห้องเป็นผู้รับผิดชอบประสานกับเวรเก็บรวบรวมสมุดส่งงานในแต่ละวิชาเพื่อนำส่งครูผู้สอนและนำกลับคืน
- สมุดแบบฝึกหัดหรืองาน จะต้องทำให้เป็นระเบียบ และไม่ใช้ทำหลายวิชาในสมุดเล่มเดียวกัน
การเล่นในบริเวณโรงเรียน
- นักเรียนทุกคนจะต้องไม่เล่นบนอาคารเรียนหรือในห้องเรียน
- นักเรียนจะต้องเล่นในบริเวณที่กำหนดไว้ โดยเฉพาะการฝึกซ้อมกีฬา
การใช้ห้องน้ำห้องส้วม
- ทุกคนจะต้องช่วยกันรักษาความสะอาดห้องน้ำ ไม่ปล่อยให้สกปรก ไม่ขีดเขียนเล่น
- ไม่เปิดน้ำหรือปล่อยน้ำทิ้งไว้หลังจากเลิกใช้แล้ว การเปิดน้ำล้างหน้าไม่ควรเปิดน้ำให้ไหลแรงเกินไปจนทำให้หกเลอะเทอะเต็มพื้นห้องน้ำ
- ไม่ควรเปิดไฟทิ้งไว้
- กระดาษเช็ดมือหรือเช็ดหน้า เมื่อใช้แล้วให้ทิ้งลงในถังขยะ อย่าทิ้งลงในอ่างน้ำหรือทิ้งลงกับพื้น
- ผ้าอนามัยที่ใช้แล้วควรใช้กระดาษห่อให้เรียบร้อย แล้วจึงนำใส่ถังขยะในห้องน้ำไม่วางบนฝาถัง
การรับประทานอาหารหรือซื้ออาหาร
- รับประทานอาหารกลางวันเวลา 11:30-12:30 น.
- รับการอบรมเรื่องคุณค่าของอาหารและมารยาทในการรับประทานอาหาร
- รับถาดอาหารจากครูประจำชั้นแล้วรอเพื่อนเพื่อรับการอบรมและรับประทานอาหารพร้อมๆ กัน
- รับประทานอาหารให้หมด ไม่หกเลอะเทอะ ไม่พูดคุยในขณะรับประทานอาหาร
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 และมัธยมศึกษาปีที่ 1-6
- รับประทานอาหารกลางวันเวลา 12:30-13:30 น. ที่โรงอาหาร
- นักเรียนเข้าแถวหน้าห้องเรียนแล้วเดินมายังโรงอาหาร
- แลกเหรียญก่อนซื้ออาหาร
- นักเรียนจะต้องเข้าแถวเรียงลำดับก่อนหลังในการซื้ออาหารทุกครั้งและทุกเวลา
- นักเรียนทุกคนจะต้องนั่งรับประทานอาหารตามโต๊ะที่กำหนดไว้อย่างมีระเบียบ ไม่ส่งเสียงดังในขณะรับประทานอาหาร และจะต้องพยายามไม่ทำอาหารหรือเศษอาหารหกเลอะเทอะ
- เมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้ว นักเรียนจะต้องนำจานอาหารและช้อนส้อมไปเก็บในภาชนะที่จัดไว้ให้ และให้ทิ้งเศษอาหารที่เหลือลงถังใส่เศษอาหารให้หมด
ข้อปฏิบัติเมื่อทำของหายหรือเก็บของได้
- เมื่อทำของหายให้นักเรียนแจ้งที่แผนกธุรการหรือครูประจำชั้น
- เมื่อเก็บของได้ให้นำไปมอบให้แผนกธุรการ พร้อมทั้งแจ้งชื่อและนามสกุลของตนเอง
- ฝ่ายธุรการของโรงเรียนจะประกาศรายการของหายหรือประกาศหน้าเสาธงเพื่อขอให้นักเรียนไปรับของคืนได้
- เมื่อนักเรียนไปรับของที่ทำหายคืน ให้แสดงความขอบคุณผู้ที่เก็บได้ทุกครั้ง
ห้องพยาบาล
ระเบียบว่าด้วยการรักษาพยาบาลนักเรียนที่เจ็บป่วย ในกรณีที่นักเรียนเจ็บป่วยขอให้นักเรียนไปพบครูประจำชั้นหรือให้เพื่อนพาไปพบครูที่ห้องพยาบาล ครูพยาบาลจะตรวจอาการนักเรียนและวินิจฉัยให้การรักษาพยาบาลตามกรณีดังต่อไปนี้:-
- ถ้าอาการเล็กน้อยให้บำบัดและให้ยารับประทานแล้วให้กลับห้องเรียนได้
- ถ้าครูพยาบาลเห็นสมควรให้นอนพักที่ห้องพยาบาล นักเรียนที่จะนอนห้องพยาบาลครูประจำชั้นจะต้องพามาส่งกับครูในห้องพยาบาล และเมื่อนอนพักหายดีแล้ว นักเรียนจะกลับเข้าห้องเรียนต้องแจ้งให้ครูประจำห้องพยาบาลรับทราบ
- ถ้าครูพยาบาลเห็นสมควรว่าจะต้องนำส่งสถานพยาบาลจะแจ้งให้ฝ่ายบริหารทราบเพื่อนำส่งสถานพยาบาล พร้อมกับติดต่อผู้ปกครองของนักเรียน
ข้อปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้ห้องพยาบาล
- นักเรียนจะต้องขออนุญาตครูประจำห้องพยาบาลก่อนเข้าห้องพยาบาลทุกครั้ง
- ถอดรองเท้าวางให้เป็นระเบียบก่อนเข้าห้องพยาบาล
- ห้ามนักเรียนหยิบยาในตู้ยาเองโดยเด็ดขาด
- เมื่อเจ็บป่วยให้มารับยากับครูพยาบาลด้วยตนเองทุกครั้ง
- นักเรียนจะนอนพักในห้องพยาบาลได้เฉพาะกรณีที่ได้รับอนุญาตจากครูประจำห้องพยาบาล และจะต้องไม่ส่งเสียงรบกวนผู้อื่น
- เมื่อนักเรียนจะออกจากห้องพยาบาลจะต้องจัดเตียงให้เรียบร้อยก่อนทุกครั้งและลงลายมือชื่อพร้อมเวลาออกจากห้องพยาบาลทุกครั้ง
การมาพบและมาเยี่ยมนักเรียนของผู้ปกครอง
- ผู้ปกครองมาพบหรือมาเยี่ยมนักเรียนที่โรงเรียนจะต้องติดต่อแผนกธุรการ ไม่อนุญาตให้ผู้ปกครองพบนักเรียนโดยลำพังหรือตามห้องเรียน
- ถ้าผู้ปกครองนักเรียนหรือบุคคลภายนอกต้องการติดต่อกับทางโรงเรียนด้วยเหตุอื่นที่ไม่ใช่การมาพบนักเรียน ให้แจ้งความประสงค์กับแผนกธุรการ
- โรงเรียนไม่อนุญาตให้นักเรียนนำเพื่อนนักเรียนต่างโรงเรียนหรือบุคคลภายนอกเข้ามาในเวลาเรียน หรือเข้าร่วมกิจกรรมของโรงเรียน เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นรายกรณีไป
- ผู้ปกครองมาติดต่อกับทางโรงเรียนจะต้องแต่งกายสุภาพ และต้องนำบัตรประจำตัวประชาชนหรือบัตรผู้ปกครองมาแสดงด้วย
การเปลี่ยนชื่อและนามสกุลของนักเรียน
นักเรียนคนใดมีความประสงค์จะขอเปลี่ยนชื่อและนามสกุล วัน เดือน ปีเกิด และที่อยู่ อาจทำได้คือ ในขั้นแรกต้องยื่นคำร้องขอเปลี่ยนชื่อหรือนามสกุลของตนเองต่อเจ้าหน้าที่อำเภอ/เขตที่ตนสังกัดอยู่ เมื่อได้รับอนุญาตแล้วทางอำเภอ/เขตจะออกใบสำคัญการเปลี่ยนชื่อและนามสกุลให้ แล้วนำมาแสดงต่อนายทะเบียนของโรงเรียน ซึ่งประกอบด้วยหลักฐาน ดังนี้:-
- คำร้องขอเปลี่ยนชื่อหรือนามสกุล ซึ่งผู้ปกครองนักเรียนเป็นผู้เขียนคำร้องตามแบบของโรงเรียนโดยขอจากเจ้าหน้าที่ของโรงเรียน
- ใบสำคัญขอเปลี่ยนชื่อหรือนามสกุลตัวจริง พร้อมสำเนาถ่ายเอกสาร 1 ชุด พร้อมลงลายมือชื่อรับรอง
- สำเนาทะเบียนบ้าน
เมื่อได้หลักฐานครบแล้ว ให้ยื่นเอกสารต่อทางโรงเรียนเพื่อพิจารณาแก้ไขในทะเบียนโรงเรียนต่อไป
การใช้โทรศัพท์
ให้นักเรียนใช้โทรศัพท์ได้ในเวลาก่อนเข้าเรียน ช่วงเวลาพักและเวลาหลังเลิกเรียนแล้วเท่านั้น หากนักเรียนมีความจำเป็นที่จะต้องใช้โทรศัพท์ในขณะที่เป็นเวลาเรียน หรือหากมีเหตุการณ์เร่งด่วนที่จำเป็นจะต้องแจ้งให้ทางบ้านทราบให้นักเรียนขออนุญาตครูประจำชั้น ครูประจำวิชา ที่นักเรียนเรียนอยู่ในขณะนั้นเพื่อมาติดต่อขอใช้โทรศัพท์ที่แผนกธุรการ/ตู้สาธารณะของโรงเรียน
โรงเรียนไม่อนุญาตให้นักเรียนนำโทรศัพท์มือถือ เครื่องมือสื่อสาร และเครื่องเล่นเพื่อความบันเทิงมาโรงเรียน กรณีที่นักเรียนไม่ปฏิบัติตาม ทางโรงเรียนจะตักเตือน และหากนักเรียนฝ่าฝืนอีกโรงเรียนขอเก็บรักษาไว้และเชิญผู้ปกครองมารับในวันถัดไป